Introduction: This is a tiktok video published by แม่อัง ชี้เป้าตัวปังเรื่องผิว. The video has now received more than 7.4K likes, 117 comments and 2.9K shares. It is deeply loved by fans. The following is the specific data and similar videos. Address, you can complete the operation on this page by clicking play or bookmarking the video.
🗣 ไอกรน โรคร้ายอันตรายถึงชีวิต เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (B. Pertussis) ทำให้มีการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ ติดต่อกันได้ง่ายจากการไอ จาม และสัมผัสสารคัดหลั่ง ระยะฟักตัว เฉลี่ย 7-10 วัน อาการสำคัญ - ไข้ต่ำๆ มีน้ำมูก ไอ ต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ - ไอซ้อนๆ ถี่ๆ ติดกัน 5-10 ครั้ง/มากกว่านั้น จนทำให้หายใจไม่ทัน - หายใจมีเสียงดังวู๊ป - อาการอาจเป็นเรื้อรัง ติดต่อกันนานถึง 2-3 เดือน - หากมีอาการดังกล่าว รีบไปพบแพทย์ ไม่ซื้อยามาทานเอง โรคไอกรน (Pertussis) เป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย บอร์เดเทลลา เพอร์ทัสซิส หลังติดเชื้อในช่วงแรกจะมีอาการคล้ายเป็นหวัด เช่น ไอ มีไข้ น้ํามูกไหล หลังจากนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการไอต่อเนื่องอย่างรุนแรงและมีเสียงไอที่เป็นเอกลักษณ์หรือเสียงดัง วู้ป (ไอมีเสียงที่เกิดจากการ หายใจลําบาก) จึงมีอีกชื่อเรียกว่า Whooping Cough เป็นที่มาของชื่อไอกรนในภาษาไทย ในทารกหรือเด็กเล็ก อาจไม่พบอาการไอ แต่จะมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจเป็นหลัก ไอกรนเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน โดยเชื้อสามารถ แพร่กระจายได้จากการไอหรือจาม ทารกและเด็กเล็กจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากที่สุด ซึ่ง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต สำหรับการรักษาโรคไอกรน : การรักษามีจุดมุ่งหมายเพื่อประคับประคองตามอาการและลดการแพร่กระจายของเชื้อฯ สําหรับผู้ป่วยเด็กทารกหรือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด เกี่ยวกับระบบการหายใจ หรือมีการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดําร่วมด้วยหากผู้ป่วยมีอาการของภาวะขาดน้ำ ผู้ป่วยไอกรนที่อยู่ในระหว่างการรักษาสามารถรับมือและดูแลตัวเองที่บ้านให้ดีขึ้นได้ ด้วยการปฏิบัติตามแนวทาง ดังต่อไปนี้ : – นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ในอุณหภูมิที่เหมาะสมแก่การนอน – ดื่มน้ำมาก ๆ ทั้งน้ำเปล่า น้ำผลไม้ ควรระวังการเกิดภาวะขาดน้ำโดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก สามารถสังเกตได้จากหลายอาการ เช่น ปากแห้ง ร้องไห้ไม่มีน้ำตา ปัสสาวะน้อยลงและมีสีเข้ม เป็นต้น – รับประทานอาหารมื้อเล็กลง เพื่อหลีกเลี่ยงการอาเจียนหลังอาการไอ – อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง ปราศจากตัวกระตุ้นที่ทําให้เกิดการไอ เช่น ควันบุหรี่ ควันไฟ เป็นต้น การป้องกันไอกรน : โรคไอกรนเป็นโรคที่ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน แพทย์จะฉีดวัคซีนรวม คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน โดยเด็กที่มีอายุต่ํากว่า 7 ปี เริ่มฉีด 3 เข็มแรกเมื่อเด็กที่มีอายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน และเข็มที่ 4 เมื่อเด็กมีอายุ 18 เดือน จากนั้นควรฉีดวัคซีนกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันหลังฉีด ครบชุด 4 ครั้งแรกแล้ว ตอนอายุ 4-6 ปี และเด็กที่มีอายุมากกว่า 7 ปี ผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว แนะนําให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นทุก 10 ปี เนื่องจากวัคซีนที่ได้รับในวัยเด็กจะหมดลงในช่วงวัยรุ่น และในผู้ที่กําลัง ตั้งครรภ์ แพทย์จะแนะนําให้ฉีดวัคซีนในช่วงสัปดาห์ที่ 27 และ 36 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจช่วยปกป้องทารก จากโรคไอกรนในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังการคลอดอีกด้วย จังหวัดปัตตานี เกิดสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไอกรนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายอำเภอ แนะนำผู้ปกครองพาบุตรหลานรับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนดตามนัด เพื่อป้องกันโรคไอกรนและโรคอื่นๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ฟรีตลอด 24 ชม. Cr.Mononews กดดู รู้โรค by กรมควบคุมโรค กองโรคติดต่อทั่วไป สายด่วนกรมควบคุมโรค1422 กรมควบคุมโรค #ลูก #เลี้ยงลูก #โรคระบาด #โรคระบาดในเด็ก #ไอกรน #สินค้าความงามbysiri✨
Duration: 0 sPosted : Tue, 28 Nov 2023 14:37:27Views
422.8KDaily-
Likes
7.4KDaily-
Comments
117Daily-
Shares
2.9KDaily-
ER
2.45%Daily-
Latest Videos
Similar Videos
Watch moreMore Videos
Watch more