ถูกจับติดคุก ญาติมาบอกว่าแม่ป่วยหนักเป็นมะเร็ง หลอกให้เซ็นเอกสาร พ้นโทษพบถูกโกงมรดกเกือบ 200 ล้าน เจ้าตัวยันเป็นลูกชายคนเดียว ถูกข่มขู่ อ่านหนังไม่ออก ลายเซ็นในพินัยกรรมไม่เหมือนของแม่ นายนนทรานุวัฒน์ พรหมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยนายปรีชา อายุ 42 ปี และภรรยา อายุ 32 ปี หอบหลักฐานเดินทางเข้าพบนายวัชระ เลิศพงศ์วรพันธ์ ทนายความ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเครือญาติจำนวน 6 คน หลังคาดว่ามีการปลอมลายเซ็นในพินัยกรรมของแม่นายปรีชา โดยมีการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนนายปรีชาที่เป็นลูกชาย มีการนำที่ดินมรดกไปขายแล้วบางส่วน เป็นเงินกว่า 47 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีที่ดินอีกเกือบ 100 ไร่ มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ถูกโอนเป็นชื่อเครือญาติ นายปรีชา กล่าวว่า เมื่อปี 2553 ตนถูกจับดำเนินคดี และถูกจำคุกที่เรือนจำนนทบุรี ระหว่างที่ต้องโทษ แม่ของตนขณะนั้น อายุ 88 ปี ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ. แห่งหนึ่ง ใน จ.นนทบุรี กลุ่มเครือญาติได้นำเอกสารมาให้ตนเซ็น ซึ่งตนอ่านหนังสือไม่ออก เพราะเรียนไม่จบ ป.6 จึงไม่เซ็น หลังจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ในเรือนจำได้นำเอกสารมาให้ตนเซ็นอีกครั้ง โดยมีคำขู่ ด้วยความกลัวจึงเซ็นโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร เมื่อพ้นโทษมาในปี 61 จึงมาทราบว่าทางกลุ่มเครือญาติได้ไปร้องขอต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดกของแม่ตน นอกจากนั้นยังพบว่า แม่ตนได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้กลุ่มเครือญาติ ซึ่งตนมาทราบภายหลังโดยตรวจสอบเอกสารพินัยกรรม พบว่า ลายเซ็นในพินัยกรรมไม่ใช่ลายเซ็นของแม่ตน ตอนนี้ตรวจสอบมรดกของแม่ทั้งหมด มีที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ 3 คูหา ติดถนนรัตนาธิเบศร์ ถูกขายไปเป็นเงิน 36 ล้านบาท และที่ดินจำนวน 11 ไร่ ใน ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนบุรี ถูกขายเป็นเงิน 11 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 47 ล้านบาท โดยกลุ่มญาติแบ่งเงินให้มา 4 ล้านบาทเท่านั้น และยังมีที่ดินเหลืออีก อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี, อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และที่ด้านหลัง สภ.รัตนาธิเบศร์ รวมกว่า 100 ไร่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ถูกโอนแบ่งเป็นชื่อเครือญาติรวม 6 คน ซึ่งตนเกิดข้อสงสัยในมรดกของแม่ว่า ตนเป็นลูกคนเดียว แต่ทำไมมรดกต้องถูกแบ่งให้คนอื่นที่เป็นญาติห่าง ๆ ด้วย จึงได้นำเรื่องมาคุยกับแม่ยายและภรรยา ในที่สุดได้นำเรื่งราวและหลักฐานมาปรึกษานายนนทรานุวัฒน์ให้ช่วยเหลือ และได้มอบกลักฐานให้ทนายความดำเนินการพาเข้าแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ภรรยานายปรีชา กล่าวว่า หลังสามีเล่าเรื่องมรดกแม่เขาให้ฟัง ตนก็สงสัยในเรื่องพินัยกรรมว่าแม่เขาทำจริงหรือไม่ ญาติบอกว่าสามีเป็นลูกคนเดียว ไม่จำเป็นต้องทำพินัยกรรม ทรัพย์สมบัติต้องตกเป็นของลูกทั้งหมดอยู่แล้ว ทำให้ตนคิดว่าพินัยกรรมไม่ชอบธรรมและผิดปกติ จึงไปร้องขอคัดพินัยกรรมจากศาลนนทบุรี เมื่อสามีเช็กลายเซ็นก็ยืนยันว่าไม่ใช่ลายเซ็นของแม่แน่นอน จึงได้ตรวจสอบรายละเอียดมรดกทั้งหมด และได้ค้นห้องของแม่ พบทั้งโฉนดที่ดิน และเอกสารประกันต่าง ๆ เมื่อนำลายเซ็นมาเปรียบเทียบก็ไม่เหมือนกัน นายวัชระ ทนายความ กล่าวว่า ตอนนี้ได้คัดเอกสารจากศาลจังหวัดนนทบุรี พบข้อพิรุธ ตนจึงได้พาเข้าแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ให้ตรวจสอบพินัยกรรม ลงวันที่ 18 พ.ค. 53 ว่าเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ เพราะอาจทำให้นายปรีชาได้รับความเสียหาย และให้ดำเนินการให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ เพระทำในขณะที่มารดาป่วยหนัก โดยหลังจากพิสูจน์ทราบก็จะมีการดำเนินคดีต่อกลุ่มคนทั้งหมด เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างมอบหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ และอยู่ระหว่างเรียกผู้เสียหายเข้าสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป #พินัยกรรม #ปลอมลายเซ็น #ผู้จัดการมรดก #ที่ดิน #โหนกระแส